Kids These Days Effect ❘ หรือ Generation Gap ไม่มีอยู่จริง! แต่เป็นแค่จิตวิทยาของคำว่า “เด็กสมัยนี้”

“Kids these days effect” หรือคำว่า “เด็กสมัยนี้” ฝังรากลึกในโครงสร้างของชีวิตในสังคมและองค์กร ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้ภาพเหมารวมและอคติระหว่างกลุ่มภายใน-ภายนอก ที่ส่งผลอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างรุ่น (generation gap) การทำความเข้าใจว่าปรากฏการณ์นี้คืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้นำองค์กรที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งสริมความร่วมมือ (collaboration) และนวัตกรรม


ปรากฏการณ์นี้หมายถึงประเด็นซ้ำๆ ที่คนรุ่นก่อนมองว่าคนรุ่นหลังขาดคุณสมบัติหรือคุณค่าบางอย่าง ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าตนเองมีมากมายในวัยเดียวกัน ผลกระทบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานหลายศตวรรษ หรือแม้กระทั่งหลายพันปี ยกตัวอย่างเช่นอริสโตเติล ที่มักถูกยกมากล่าวถึงคำวิจารณ์ของเขาที่มีต่อคนหนุ่มสาวในยุคสมัยนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างคนต่างรุ่นที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า


สาเหตุที่แท้จริงของผลกระทบ “Kids these days effect” มีสองประการ ที่เกี่ยวข้องกับพลวัตทางจิตวิทยาและสังคมวัฒนธรรม:

กระบวนการทางความคิดนี้เกี่ยวข้องกับการมองลักษณะของกลุ่มคนอย่างง่ายๆ เกินไป ในบริบทของ generation gap คนรุ่นก่อนอาจใช้ภาพเหมารวมกับคนรุ่นหลังจากการสังเกตแค่ผิวเผิน ไม่สามารถเห็นถึงความหลากหลายและความซับซ้อนภายในกลุ่มคนแต่ละรุ่น การใช้ภาพเหมารวมนี้มักสะท้อนให้เห็นการเปรียบเทียบแบบลดทอนความซับซ้อน ละเลยการเปลี่ยนแปลงของบรรทัดฐานและความท้าทายในสังคมที่แต่ละรุ่นต้องเผชิญ

อคตินี้เป็นแง่มุมพื้นฐานของจิตวิทยามนุษย์ ที่บุคคลจัดกลุ่มตนเองและผู้อื่นเป็น “พวกเรา” (กลุ่มภายใน) และ “พวกเขา” (กลุ่มภายนอก) อคตินี้ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและอัตลักษณ์ภายในกลุ่มตน แต่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งระหว่างกลุ่มได้ ในบริบทของความแตกต่างระหว่างวัย คนรุ่นก่อนอาจมองคนรุ่นหลังเป็น “กลุ่มภายนอก” แยกแยะจากค่านิยม พฤติกรรม หรือทัศนคติที่รับรู้ว่าขัดแย้งกับของตน


การเข้าใจพลวัตเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้นำที่ต้องบริหารจัดการกับความซับซ้อนของworkforce หลายรุ่น เหตุผลเบื้องหลัง Kids these days effect  ทำให้เห็นถึงความท้าทายที่ผู้นำต้องเผชิญในการสร้างวัฒนธรรมการยอมรับความแตกต่าง ที่รู้จักใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของแต่ละรุ่น

แต่ละรุ่นเติบโตในสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อค่านิยม จริยธรรมการทำงาน และวิธีการสื่อสารของพวกเขา ผู้นำจึงจำเป็นต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เพื่อให้เห็นคุณค่าของมุมมองที่หลากหลายในทีมของตน

การรับรู้ถึงแนวโน้มตามธรรมชาติที่มีต่อการใช้ภาพเหมารวมและอคติ จะช่วยให้ผู้นำสามารถลดทอนผลกระทบเหล่านั้นได้ ส่งเสริมให้มีการชื่นชมในคุณูปการของแต่ละบุคคลอย่างเป็นกลางมากขึ้น โดยไม่คำนึงถึงการสังกัดรุ่น

ผ่านการทำความเข้าใจถึงต้นตอของความขัดแย้งระหว่างรุ่น ผู้นำสามารถออกแบบแนวทางที่ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างรุ่น เปลี่ยนจุดขัดแย้งที่มีโอกาสเกิดขึ้นให้กลายเป็นโอกาสในการสรรสร้างและพัฒนา


บทสรุป —เมื่อประเมินประเด็น generation gap ใหม่อีกครั้ง เราจะเห็นได้ชัดว่า ประเด็นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความแตกต่างที่จับต้องได้ระหว่างคนต่างรุ่นมากนัก แต่กลับเกี่ยวพันกับกลไกทางจิตวิทยาที่รองรับการรับรู้ถึงความแตกต่างเหล่านี้มากกว่า แก่นแท้ของปรากฏการณ์ “เด็กสมัยนี้” ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ถึงความแตกแยกที่ข้ามผ่านไม่ได้ระหว่างกลุ่มคนต่างวัย หากแต่เป็นภาพสะท้อนของแนวโน้มตามธรรมชาติของมนุษย์ในการจัดหมวดหมู่ สร้างภาพเหมารวม และมีอคติระหว่างกลุ่มภายใน-ภายนอก กระบวนการทางจิตวิทยาเหล่านี้เป็นสากล ส่งผลต่อวิธีการที่เรารับรู้และสัมพันธ์กับผู้อื่นบนพื้นฐานของการเป็นสมาชิกกลุ่ม รวมถึงเส้นแบ่งระหว่างคนต่างรุ่นด้วย


A Cup of Culture
———–
วัฒนธรรมองค์กร
CorporateCulture
OrganizationalCulture
.
.

Generation Gap
References:
https://www.smithsonianmag.com/science-nature/psychology-behind-generation-gap-180973731/
https://www.psychologytoday.com/us/blog/presence-mind/202001/do-you-need-mind-the-generation-gap
ball

Share to
Related Posts:
Search

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

Search