Author: Wanvisa Bside

ในการให้คำปรึกษาเรื่องวัฒนธรรมองค์กรกับลูกค้าของเรา เรามักจะมีคำถามกับลูกค้าของเราว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง คำตอบที่เรามักจะได้ และองค์กรส่วนใหญ่ทำคล้ายๆ กัน นั่นก็คือ การสื่อสาร แต่ก็อาจมีหลายๆ องค์กรที่ทำกิจกรรมหลายๆ

ในฐานะที่ปรึกษาการสร้างวัฒนธรรมองค์กร สิ่งหนึ่งที่ถูกย้ำในช่วงแรกๆ จากลูกค้า มักจะเป็นเรื่องอยากได้คำที่จดจำง่าย ติดหู คำที่เป็นการตลาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะการที่เราจำได้ง่าย ติดหู ก็น่าจะง่ายต่อการสื่อสาร หรือการนำเอาไปทำต่อ

ในฐานะผู้บริหาร หรือหัวหน้างาน จะต้องสามารถบาลานซ์เรื่องการใช้เหตุผล และอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างดี เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดในงาน ผู้บริหารต้องมี ความฉลาดทางอารมณ์ (emotional intelligence) เพราะจะช่วยให้เราบริหาร

กลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนให้แผนธุรกิจเป็นไปอย่างที่องค์กรต้องการได้ ก็คือ คน และแน่นอนว่าคนไม่ได้มีแค่ตรรกะเพียงอย่างเดียว แต่มีอารมณ์และความรู้สึกด้วย ซึ่งเป็นคำที่หัวหน้างาน และผู้บริหารพยายามที่จะหลีกเลี่ยง แต่ในความเป็นจริงหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งในปัจจุบันความซับซ้อนของธุรกิจมีมากขึ้น ความซับซ้อนของมิติความเป็นคนในงานก็มีมากขึ้น

เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้เคยกล่าวไว้ในช่วงแรกๆที่เข้ามาร่วมงานกับลิเวอร์พูล ว่า “มันไม่สำคัญว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรในตอนที่คุณเพิ่งเข้ามา แต่มันสำคัญกว่าว่าพวกเขาจะมองคุณแบบไหนในวันที่คุณต้องจากไป” สไตล์การทำงาน และบุคลิกของเขา เป็นที่จับตามองของหลายๆคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะมาพูดถึงกันวันนี้ว่าอะไรที่เราสามารถที่จะถอดออกมาเป็นบทเรียน

ในการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามา การสื่อสารที่ใกล้ชิดระหว่างแผนก ระหว่างฝ่าย นวัตกรรมที่องค์กรต้องการ ซึ่งมันไม่สามารถจะไปอยู่ที่ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ควรจะเกิดการร่วมมือร่วมใจระดมความคิดร่วมกัน ผ่านมุมมองที่หลากหลายของสายงานที่ต่างกัน มันถึงจะทันท่วงทีต่อความต้องการของตลาดลูกค้า ❇️ Key