#การทำงานที่บ้าน และ #การส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กร ยังคงเป็นปัญหาหนักอกสำหรับผู้นำองค์กรในยุคโควิดนี้มาก หลาย ๆ ท่านมีความหวังว่าเมื่อหมดวิกฤติแล้วเราจะได้กลับมาฟื้นฟูมันกัน แต่ในความเป็นจริงงานวิจัยพบว่าแม้จะผ่านช่วงวิกฤติไปแล้วก็ตาม พนักงานส่วนใหญ่ยังคงต้องการความยืดหยุ่นที่ได้จากการ Work from Home อยู่ ดังนั้น อย่างแรกที่ต้องยอมรับกันคือว่า “รูปแบบการทำงานมันเปลี่ยนไปอย่างถาวรแล้ว” และการทำวัฒนธรรมองค์กรเองก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน


ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นหลาย ๆ องค์กรกำลังวางแผนพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมาก ๆ สำหรับวงการธุรกิจ เพราะอย่างที่ทุกท่านทราบดีว่าวัฒนธรรมองค์กรนั้นสำคัญต่อความสำเร็จทางธุรกิจมากน้อยแค่ไหน และหลาย ๆ ที่เองก็มีความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างมาก จนกระทั่งช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา


ผลกระทบของการกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งทำให้หลาย ๆ องค์กรเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องชะลอการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรไปก่อน ทั้งด้วยปัจจัยอย่างอื่นที่มีความเร่งด่วนกว่า หรืออีกเหตุผลสำคัญคือเพราะว่าวัฒนธรรมองค์กรนั้นอาศัยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนอย่างมาก นั้นหมายถึงว่าการทำวัฒนธรรมองค์กรเพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุดนั้นควรจะรอให้ได้เจอหน้ากันใช่ไหมครับ ?


จริงอยู่ที่เพื่อจะให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุดนั้นการเจอหน้ากันเป็นเรื่องที่ถ้าเลือกได้ก็ควร แต่ด้วยสถานการณ์ที่ยืดยาว ประกอบกับที่แม้จะหมดช่วงวิกฤติแล้วพนักงานส่วนใหญ่เองก็มีแนวโน้มที่จะอยาก Work from Home กันมากขึ้น นั่นทำให้เราอาจจะต้องเริ่มมามองหาวิธีการใหม่ ๆ กันอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรในแบบที่ที่สามารถใช้ได้แม้กับการ Work from Home ก็ตาม


การ Work from Home


นั้นไม่ได้หมายความว่าวัฒนธรรมองค์กรที่สั่งสมกันมาจะหายไปซะทีเดียว เพราะพื้นฐานทั้งในด้านของ Core Values หรือความเชื่อขององค์กรนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน แต่ปัญหาคือพฤติกรรมของพนักงานนั้นไม่ได้รับการเสริมแรงจากระบบ และกิจวัตรที่ปกติจะเกิดขึ้นในสถานที่ทำงานกลับไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทำให้พนักงานเรามีแนวโน้มที่จะเปิดรับอิทธิพลจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานกันมากขึ้นตามสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ เช่น อิทธิพลจากสมาชิกในครอบครัวต่อวิถีการทำงานที่บ้าน


มีบทความหนึ่งจาก Havard Business Review ที่ได้สัมภาษณ์ผู้บริหารทั่วโลกเกี่ยวกับความกังวลที่พวกเขามีต่อการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรในช่วง Work from Home ซึ่งมีหลายองค์กรที่สามารถปรับตัวเตรียมแผนสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อปรับตัวได้สำเร็จ หลายที่ถึงกับเรียกวัฒนธรรมองค์กรที่เปลี่ยนไปนี้ว่าเป็น remote-first culture หรือ hybrid culture ไปเลย และความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ต้องอาศัยความเอาจริงเอาจังของผู้นำยิ่งกว่าเดิม เพราะเราต้องยอมรับให้ได้ว่าวัฒนธรรมนั้นกำลังเปลี่ยนไป และองค์กรที่ไม่สามารถลงแรงไปกับมันได้นั้นมักจะได้ผลลัพท์ที่คาดเดาไม่ได้


Remote-First Culture


ที่ผ่านมาสถานที่ทำงานถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการออกแบบวัฒนธรรมองค์กรอย่างมาก นั่นเป็นเพราะผู้นำองค์กรสามารถที่จะบริหารปัจจัยเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่การจัดวางโต๊ะทำงานในแบบที่เสริมสร้างการทำงานร่วมกัน หรือการมีโต๊ะปิงปองที่ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เต็มไปด้วยพลังงาน การตกแต่งออฟิศให้พนักงานได้แสดงความเป็นตัวเอง หรือแม้แต่การที่ผู้บริหาร Amazon เลือกใช้โต๊ะทำงานพัง ๆ เพื่อสื่อถึงความประหยัด แต่ในปัจจุบันตัวช่วยนี้ได้หายไปแล้ว และเมื่อเรายอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ก็จะเกิดขึ้น ดังเช่นองค์กรต่อไปนี้:


Infosys เป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมแบบ client-centric แต่ก็ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานในแบบที่เรียกว่ามีความเป็นครอบครัว ในช่วงแรกของการแพร่ระบาด Infosys เลือกที่จะลงทุนก้อนใหญ่ไปกับการทำงานเหมาเครื่องบินเพื่อไปรับพนักงานที่อยู่ห่างไกลให้สามารถกลับประเทศตัวเองได้ พร้อมประกาศว่าจะไม่มีการลดจำนวนพนักงานด้วยสาเหตุจากผลประกอบการ หรือพูดได้ง่าย ๆ ว่าอาชีพการงานของพวกเขายังปลอดภัยดี นั่นคือวิธีการทำงาน Infosys ใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งของวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจพนักงาน และเน้นความเป็นครอบครัว


Alibaba ของ Jack Ma เองก็ได้มีการเปลี่ยนกิจกรรมเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรส่วนหนึ่งไปใช้แบบออนไลน์ ด้วยการแทนที่ Aliday ที่เคยเป็นการเฉลิมฉลองแบบเต็มวันของ Alibaba ด้วยกิจกรรมการร่วมกัน ‘ถักผ้าห่ม’ ที่ให้พนักงานมาร่วมกันถักผ้าห่มแบบทางไกลสำหรับแต่ละองค์กรเพื่อเสริมความสัมพันธ์ และการทำกิจกรรมร่วมกัน


IBM มีสิ่งที่เรียกว่า “Work from Home Pledge” ที่พนักงานระบุกันเองว่าตัวเองจะสนับสนุนเพื่อนร่วมกันในรูปแบบไหนบ้างเพื่อที่จะช่วยกันสร้าง Work-life balance ให้กันและกันได้ เช่นการระวัง family time ของคนอื่น การติดต่อกันอย่างไม่ห่างหายกันไป และอื่น ๆ โดยมีตัวอย่างเช่นพนักงานก็ช่วนกันซื้อหาอาหารให้พ่อแม่ของเพื่อนพนักงานที่ไม่สามารถไปหาเองได้


Slack ก็ได้ปรับกระบวนการทำ Onboarding พนักงานใหม่ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาใช้วิธีการซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับให้พนักงานใหม่จากทั่วโลกบินมาที่สำนักงานใหญ่เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์เพื่อสอนงาน และทำความรู้จักกับผู้บริหาร แต่หลังจากช่วง Work from Home ทาง Slack ก็ต้องปรับกระบวนการใหม่ โดยการเรียนการสอนปรับให้เป็นออนไลน์ทั้งหมด รวมถึงเอกสารต่าง ๆ และเปิดช่องการ Video Call ให้พนักงานสามารถหารือกับผู้นำ และผู้บริหารของ Slack ได้โดยตรง


บทบาทของผู้นำใน Remote-first Culture


ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ผู้นำทุกคนมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจเหมือน ๆ กันเกี่ยวกับการทำวัฒนธรรมองค์กร คือ 1. ไม่ทำอะไรและรอมันผ่านไป 2. มองหาวิธีการใหม่ ๆ ในการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรเดิม 3.ใช้โอกาสเป็นการรีเซ็ตวัฒนธรรมเดิม ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนทางเลือกนี้จะสำคัญอย่างมาก เนื่องจากในสภาวะปกติผู้นำสามารถ่ายทอดวัฒนธรรมได้โดยการเป็นแบบอย่าง แต่ในโลกออนไลน์การถ่ายทอดนี้ต้องมีความชัดเจน ดังนั้นผู้นำเองต้องชัดเจนว่าต้องการให้วัฒนธรรมองค์กรเป็นแบบไหนก่อนที่จะสื่อสารมันออกมาเพื่อไม่ให้เกิดการบิดเบือน


อนาคตของ Remote-first Culture


Slack ได้ตีความบทความลงบน A Future Forum เกี่ยวกับการศึกษาความต้องการของพนักงาน โดยพวกเขาพบว่าพนังกานส่วนใหญ่ต้องการความยืดหยุ่นอย่างมากในการทำงานหลังหมดวิกฤติ แม้จะมีเพียง 16% ที่อยากจะ Work from Home เต็มรูปแบบตลอดไป แต่ก็มีเพียง 12% ที่อยากจะกลับไปเข้าออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์ ที่เหลือ 72% นั้นต้องการความยืดหยุ่นแบบ Hybrid model เพราะพวกเขาต้องการเลี่ยงการเดินทางไปทำงาน และต้องการ work-life balance


ข้อดีหนึ่งของการ Hybrid Work คือการที่มันเปิดโอกาสให้กับ Talent pool ใหม่ ๆ ที่อยู่ไกลออกไป ลดค่าสถานที่ และหลาย ๆ องค์กรชื่อดังก็ประกาศแล้วว่าพวกเขาอาจจะไม่กลับมาทำงานออฟฟิศอีกแล้ว เช่น Twitter, Siemens หรือ Starbucks (เฉพาะในส่วนของสำนักงาน)


นั่นหมายถึงว่าไม่ว่าเราจะต้องการหรือใหม่โลกนั้นก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว การทำงานแบบ Work from Home หลังวิกฤติจะเป็นเรื่องปกติไป และวัฒนธรรมองค์กรก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ ระหว่างที่พนักงานทำงานที่บ้านอิทธิพลอื่น ๆ จะส่งผลต่อพฤติกรรมของพวกเขา เช่น เดียวกันกับวัฒนธรรมองค์กร หรือพูดง่าย ๆ คือหลังจากนี้วัฒนธรรมองค์กรจะต้องสู้กับวัฒนธรรมครอบครัว หรือวัฒนธรรมระหว่างเพื่อนฝูง แต่ถ้าผู้นำสามารถยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ และหันมาค้นหาวิธีการใหม่ ๆ ในการรับมือจะช่วยให้วัฒนธรรมองค์กรของท่านแข็งแกร่งขึ้นได้แม้จะต้อง Work from Home กันไปตลอดหลังจากนี้ก็ตาม

References:

https://slack.com/intl/en-th/blog/news/slack-launches-the-future-forum

https://hbr.org/2021/02/wfh-doesnt-have-to-dilute-your-corporate-culture

https://www.business-standard.com/article/companies/covid-19-crisis-infosys-charters-a-flight-to-get-back-staff-stuck-in-us-120070601629_1.html

.
.
>>>>

Share to
Facebook
Twitter
LinkedIn
Search

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

Search