หลายองค์กรในปัจจุบัน นำ Customer Centric มาเป็นหนึ่งแนวทางในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย วัตถุประสงค์ไม่ใช่แค่เพียงการให้บริการลูกค้าที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องการสร้างความรักในแบรนด์ให้เกิดขึ้นในใจลูกค้าด้วย ในท้ายที่สุดก็นำมาซึ่งความเติบโตในธุรกิจ


อย่างที่ Amazon และ Zappo ให้ความสำคัญกับค่านิยมนี้พวกเขาใช้เวลาหลายปีในการสร้างวัฒนธรรมที่เข้าใจความต้องการและความรู้สึกของลูกค้า โดยเฉพาะ Zappo ที่พร้อมจะไล่พนักงานที่ไม่ fit กับวัฒนธรรมแบบ Customer Centric ขององค์กรทันที
.
.


คำถามคือ Customer Centric มันสำคัญอย่างไร??


คำตอบคือ Customer Centric มันสำคัญมาก !

จากผลการสำรวจรายงานว่า “Customer Centric” มีความสำคัญมากในการสร้างวัฒนธรรมยุค digital โดยกว่า 58% มองว่าการมีค่านิยมที่เข้าใจลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับ Data driven Innovative, Collaborative และ Agile ด้วยเหตุผลที่ว่า
● ช่วยเพิ่มความภักดีในแบรนด์ของลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการสร้างลูกค้าใหม่
● โอกาสในการขายสูงขึ้น
● ช่วยให้ลูกค้าที่ไม่พอใจไม่พูดถึงความไม่พอใจของเขา
● ใช้ต้นทุนมากกว่าเพื่อที่จะหาว่าที่ลูกค้าที่สนใจในสิ่งที่เรานำเสนอ


ผลการศึกษาจาก Deloitte and Touche ยังพบอีกว่า “การมุ่งเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในยุค Digitalization และองค์กรที่ให้ความสำคัญในด้านนี้มีผลประกอบการณ์ดีมากกว่าองค์กรที่ไม่ให้ความสำคัญกับลูกค้าถึง 60%” Deloitte, July 2017 (สามารถอ่านบทความเรื่อง “7 กลยุทธ์ สร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ Customer Centric” เพิ่มเติม)


และหากผู้นำไม่แข็งแกร่ง จะเป็นเรื่องยากสำหรับองค์กรมากที่จะหาจุดยืนและสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้มีคุณภาพการสินค้าและการบริการที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง


ในทางตรงกันข้าม หากคุณรู้สึกเชื่อมั่นในตัวผู้นำขององค์กรคุณแล้ว คุณสามารถระบุแนวทางกลยุทธ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงกระบวนการและแผนงานต่างๆ และสมาชอกในองค์กรของคุณจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกันผลักดันให้มันเกิดขึ้น ดังนั้น การจัดการ 5 เสาหลักที่จะกล่าวถึงนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สนับสนุนการสร้างวัฒนธรรมแบบ customer centric


📌 Leadership


ในการเริ่มสร้าง customer-centric มักจะเริ่มจากผู้บริหารระดับอาวุโส และอาจให้พนักงานระดับปฏิบัติการที่คัดสรรมาแล้วบางท่านเข้าร่วมโครงการด้วย เพื่อให้เค้าสามารถสร้างทีมผู้นำเพื่อขับเคลื่อนการเป็น Customer centric ต่อไป


ในทีมผู้นำจะมีบทบาทที่ต้องระดมสมองและการคิดโครงการต่างๆกับลูกค้า และพนักงานทั้งองค์กรควรทำงานโดยที่ให้ความสำคัญและช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าอย่างเหมาะสม


📌 Strategy


สิ่งที่คุณทำกับระดับผู้นำ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อสร้าง Customer Centric มากไปกว่านั้นกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจของคุณยังสามารถดัดแปลงเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เช่น
● การประเมินความสำเร็จในระยะยาว: เพราะการประมินความสำเร็จในช่วงสั้นๆ ไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าบริษัทของคุณดูแลลูกค้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ความสำเร็จจึงควรดูกันในระยะยาวหากคุณต้งการที่จะรักษาลูกค้าและสร้างความรักในแบรนด์ของพวกเขา
● ระบุตัววัดความสำเร็จขององค์กร: คุณจะติดตามผลอย่างไร และอะไรที่พนักงานของคุณมองว่าประสบความสำเร็จเช่ยเดียวกับที่ลูกค้าได้รับ
● ตัวชี้วัดข้ามหน่วยงานด้านความพึงพอใจของลูกค้า: หากทุกคนทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกันแล้ว อะไรคือสิ่งที่คุณสามารถบริการลูกค้าได้ดีที่สุด และนั่นคือสิ่งที่องค์กรต้องทำเช่นกัน ซึ่งหมายถึงทุกๆแผนกจะต้องมีตัวชี้วัด (KPI) เพื่อto gauge what customer satisfaction looks like. เช่น
– Net promoter score
– Customer lifetime duration
– Customer lifetime value
– Average journey
– completion time
– Customer effort score
– Task completion rate
– Escalation rate
– Customer churn rate
– Average resolution time
– Daily complaint numbers
และเป้าหมายของคุณจะถูกขับเคลื่อนด้วยลูกค้า แม้ว่า ROI เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ แต่คุณต้องทำให้มั่นใจว่าเป้าหมายคุณขับเคลื่อนได้โดยที่เก็บเรื่องนี้ทดไว้ในใจ


📌 Processes


จากจุดนี้สามารถไปขั้นตอนถัดไปของโมเดล Customer Centric ได้ การระบุขั้นตอนกระบวนการจะเป็นแนวทางที่ช่วยสร้างความเป็นรูปแบบเดียวกันในองค์กร ช่วยส่งเสริมแคมเปญการขายและการตลาดของคุณ และช่วยให้เกิดความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคุณ


ระหว่างทางคุณลองตั้งคำถามเพื่อสะท้อนสิ่งที่คุณทำว่าอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่ ตัวอย่างเช่น คุณได้ใช้ Customer Insights ที่คุณเคยรวบรวมข้อมูลไว้ในการหาแนวทางในการผลิตสินค้าหรือวางแผนการโครงการต่างๆ หรือไม่? ถ้าคุณตอบว่าใช่ แปลว่าคุณกำลังเดินมาถูกทางแล้ว แต่หากตอบว่าไม่คุณยังมีงานอีกมากที่ต้องไปพัฒนา


และในการดำเนินการต่าง ๆ มีอุปสรรคอะไรบ้างที่ขัดขวางการส่งต่อความเข้าใจระหว่างแผนกหนึ่งไปอีกแผนก คุณควรจะระบุสิ่งนี้ให้เร็วดีกว่าการปล่อยปละละเลยแล้วกลับมาส่งผลกระทบต่อการสร้างค่านิยมแบบ Customer Centric ที่คุณอยากเห็น


📌 People


นอกเหนือจากกลุ่มผู้นำและผู้นำระดับสูงแล้ว คุณควรแนะนำบุคคลที่สำคัญต่างๆ ในสิ่งที่คุณทำจนกลายเป็น Customer Centric ไม่สำคัญเลยว่าสมาชิกในทีมจะมาจากระดับไหน ประเด็นอยู่ที่อะไรคือรวามคาดหวังใหม่และองค์กรทีแนสทางอย่างไรเพื่อไปถึงตรงนั้น ดังนั้นในการจัดอบรมควรมีความผสมระหว่างต่างแผนกเพื่อให้เห็นมุมมองที่แตกต่าง และควรมีสื่อ แนวทางการปฏิบัติต่างๆ, Customer journey, ผลสัมภาษณ์จากลธกค้า, ประวัติลูกค้า, ผลตอบรับลูกค้า, บุคลิกลักษณะกลุ่มผู้ซื้อ, ประวัติลูกค้า เผื่อพวกเขาต้องการคำแนะนำ


📌 Platforms


การออกแบบระบบที่กำหนดขอบเขตชัดเจน เช่นการวางโมเดล customer centric journey ทั้งในรูปแบบของเครื่องมือต่างๆ, แอฟพลิเคชั่น, software ซึ่งมันอาจถูกใช้เพียงพนักงานบางกลุ่ม หรือทั่วทั้งองค์กรก็ได้ โดยคุณสามารถตั้งข้อสงสัยอยู่เสมอเพื่อไม่หยุดพัฒนา
● ระบบสามารถช่วยให้คุณเชื่อต่อกับลูกค้า สร้างปฏิสัมพันธ์ และเข้าคงข้อมูลพวกเขาได้
● ระบบสามารถรองรับได้ทั้งช่องทางการแบบดั้งเดิมและแบบดิจิตอลได้หรือไม่อย่างไร?
● ระบบสามารถเก็งข้อมูลลูกค้าตลอดเส้นทางการใช้บริการของพวกเขาหรือไม่?
ถ้าใช่แปลว่า ระบบเหมาะสมแล้ว


A Cup of Culture
———–
#วัฒนธรรมองค์กร
#corporateculture
#culture


ที่มาจาก:
https://hbr.org/2015/11/the-new-science-of-customer-emotions
https://www.engagebay.com/blog/customer-centric-model/
https://www.superoffice.com/blog/how-to-create-a-customer-centric-strategy/

Share to
Facebook
Twitter
LinkedIn
Search

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

Search