ในช่วงที่การ layoffs กำลังเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนทั่วโลก และเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ ใครที่กำลังลังเลเกี่ยวกับการงานอาจจะกำลังคิดว่าจะอยู่ต่อ หรือมองหาโอกาสใหม่ ๆ ดี สำหรับใครที่กำลังก้ำกึ่งอยู่ระหว่างสองทางเลือกนี้ วันนี้เรามี 5 มิติมาให้พิจารณาก่อนหางานใหม่ในปี 2023
สภาพแวดล้อมเป็นพิษ
เวลาที่เราไปทำงาน เรารู้สึกดีกับตัวเอง หรือสิ่งที่เราทำไหม ? หรือว่างานเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต การนอน หรือกำลังทำให้เราหงุดหงิดง่ายกับคนใกล้ตัว ? หรือเราอาจจะกำลังโดนด้อยค่าในแบบที่เกินกว่าฟีดแบคปกติ หรือกำลังบ่นงานให้เพื่อนและครอบครัวฟัง นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่าหัวหน้าที่เป็นพิษ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่นี่คงจูนกับเราไม่ติดแล้วก่อนที่จะเริ่มมองหางานใหม่ ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นโอกาสที่ดีในการสำรวจตัวเองก่อน ว่าเป็นไปได้ไหมที่เราอาจจะมีส่วนเสริมสร้างความ toxic เหล่านี้ เราได้มีส่วนร่วมในการซุบซิบนินทา เรามองทุกอย่างว่ามีเจตนาไม่ดีไปหมด แสดงความไม่พึงพอใจ หรือมีการวางตัวเป็นอุปสรรคในการทำงานของคนอื่นหรือไหม เพราะถ้าเรามีส่วนบ้างไม่มากก็น้อย การลองปรับพฤติกรรมเหล่านี้ดูก่อนอาจส่งผลต่อพฤติกรรมคนรอบตัวเราได้เช่นกัน
แต่เมื่อสุดท้ายแล้วเราไม่มีพฤติกรรมข้างต้น และพบว่าต้นเหตุของความเป็นพิษเหล่านี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา แน่นอนว่าการเอาตัวเองออกมาคือวิธีที่ดีที่สุด
งานกำลังมีบางอย่างขัดกับสิ่งที่เราให้ความสำคัญ
ถ้าเรากำลังหงุดหงิดกับองค์ประกอบบางอย่างของงาน ก็มีความเป็นไปได้ว่ามันอาจกำลังขัดกับบางอย่างที่เราให้ความสำคัญ เช่น เมื่อการทานอาหารเย็นกับครอบครัวคือเรื่องสำคัญกับเรา แต่หัวหน้ากลับติดต่อเราไม่หยุดในช่วงเวลาดังกล่าวโดยเฉพาะด้วยเรื่องไม่เร่งด่วน
วิธีที่ดีที่สุดที่จะตรวจสอบว่างานกำลังมีบางอย่างขัดกับเรื่องสำคัญของเราหรือไม่คือการระบุสิ่งสำคัญ ๆ ของเราออกมาให้ชัด บางทีเราอาจจะให้ความสำคัญกับการแก้โจทย์ยาก ๆ หรือการบริหารทีม เมื่อสิ่งเหล่านั้นถูกระบุแล้วก็ให้จัดหมวดหมู่มันเป็นหมวด 1 ถึง 5 โดยไล่ไปตั้งแต่ 1 คือเป็นสิ่งที่ไม่มีในงานเลย และ 5 เราได้รับมันทุก ๆ วัน และสำรวจประเด็นที่คะแนนต่ำกว่า 3 ดูว่ามีอะไรที่เราทำได้อีกบ้างเพื่อเพิ่มให้มันมากขึ้น เช่น สำหรับกรณีของอาหารเย็นกับครอบครัว เราอาจจะคุยกับหัวหน้าตรง ๆ ถึงช่วงเวลาที่เราไม่สามารถให้กับเขาได้เพราะกำลังอยู่กับครอบครัว แต่ถ้าเป็นเร่งด่วนอาจจะให้ได้เวลานี้เป็นต้นไป และถ้าการพูดคุยนี้ไม่ได้ผลก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่จะมองหาโอกาสใหม่ ๆ
ทักษะเราไม่ถูกใช้และพัฒนา
หลาย ๆ คนอยากที่จะรู้สึกว่าได้ใช้ทักษะและความสามารถในการสร้างผลกระทบ ลองนึกถึงทักษะที่เรามีอยู่แล้ว และทักษะที่จำเป็นสำหรับความก้าวหน้าในสายอาชีพ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากใช้ทักษะการแก้ปัญหาแต่ขาดโอกาสในการปัญหายาก ๆ เราอาจจะสามารถลองคุยกับหัวหน้าเราดูได้ว่ามีงานที่ซับซ้อนกว่านี้ที่เราสามารถมีส่วนร่วมได้ไหม หรือเริ่มจากการเข้าร่วมประชุมก็ได้ หรือถ้าเราอยากจะบริหารทีมก็ลองคุยถึงความเป็นไปได้ที่จะขยับตัวเองไปยังบทบาทของความเป็นผู้นำที่มากขึ้น ถ้าสำรวจดูแล้วแล้วไม่มีความเป็นไปได้อยู่ การอยู่ที่นี่ต่อไปอาจจะส่งผลให้อาชีพเราหยุดชะงักได้
ไม่มีโอกาสให้เราได้แสดงตัวตน
การทำงานให้เสร็จเป็นเพียงแค่หนึ่งตัวแปรในการสร้างความสำเร็จในระยะยาว และความก้าวหน้าทางอาชีพ ถ้าหัวหน้าเราเปิดโอกาสให้ความสามารถเราเป็นที่มองเห็นได้ผ่านงานการให้ทำงานชิ้นสำคัญ ๆ หรือโอกาสในร่วมงานโปรเจคที่ cross-function คนอื่น ๆ ก็จะได้เห็นผลงานเราชัดมากขึ้น
เมื่อคนอื่น ๆ รู้จักเรา และรู้จักความสามารถของเรา ก็จะเป็นการสร้างตัวตนของตัวเองให้เด่นชัดขึ้น ส่งผลให้คนนึกถึงเราก่อนเมื่อมีงานที่เราถนัด และมองเห็นงานที่เรามีส่วนทำให้กับเป้าหมายองค์กร และสุดท้ายนำมาสู่โอกาสใหม่ ๆ หรือการเลื่อนขั้น แต่ถ้าหัวหน้าเราทำเหมือนซ่อนเราไว้ ไม่ปล่อยให้เราได้นำเสนองานด้วยตัวเอง หรือมีส่วนร่วมกับการประชุมสำคัญ ๆ นั่นทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เราจะสร้างตัวตนเราให้เป็นที่รู้จักในองค์กร หรือในวงการอุตสาหกรรมที่เราอยู่
รู้สึกไม่มีพลังงาน
รู้สึกอย่างไรกับเช้าวันจันทร์ ? ลุกจากเตียงยาก ๆ หน่อยไหม จริง ๆ ระดับนี้ยังถือว่าเป็นระดับปกติ แต่ถ้าเกิดเราพบว่าเราเคยเป็นคนที่ทำอะไรเกินร้อย แต่ช่วงหลังมานี้กลายเป็นทำแค่ให้พอผ่าน เป็นไปได้ว่าเรากำลังรู้สึกว่างานมันไม่ได้ให้พลังงานกับเราอีกต่อไปแล้ว ยิ่งเรารู้สึกว่าทำงานเป็นกิจวัตรไปวัน ๆ หรือกำลังหงุดหงิดกับบทบาทที่ตัวเองต้องทำบ่อย ๆ งานนั้นอาจจะไม่เหมาะกับเราอีกต่อไปแล้ว และถ้าเราไม่สามารถที่จะหาทางเติมพลังงานนี้ให้ตัวเองได้อีกแล้ว งานใหม่อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเอาพลังงานนั้นกลับมา
A Cup of Culture
———–
วัฒนธรรมองค์กร
CorporateCulture
OrganizationalCulture
.
.