5 ประเภทการฟังในที่ทำงาน เพื่อ “เข้าใจและใกล้ชิด” กันมากขึ้น


แม้ว่าการเรียนรู้ที่จะสื่อสารในสิ่งที่คุณต้องการพูดจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การเรียนรู้วิธีฟังในสถานการณ์ต่างๆ ก็ดูจะมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะการฟังจะช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้น และยังช่วยให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วย ดังนั้น การฟังอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective listening) เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นทั้งในที่ทำงาน โรงเรียน บ้าน และสังคม


บทความจาก Customers First Academy ได้สรุป 5 ประเภทของการฟังในที่ทำงาน พร้อมทั้งสถานการณ์และคำแนะนำที่สามารถหยิบไปใช้ได้ ดังนี้


#1. Active listening


การฟังแบบ Active listening หรือการฟังอย่างตั้งใจ คือ การฟังที่ผู้ฟังตั้งใจจดจ่ออยู่กับคำพูดของผู้พูด เพื่อทำความเข้าใจความหมายและบริบทของพวกเขา ซึ่งการฟังประเภทนี้จะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับภาษากาย สีหน้า น้ำเสียงของผู้พูด และถามคำถามที่มีความหมาย ซึ่งการฟังแบบ Active listening มีประโยชน์ในด้านการสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัว และในงานที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นอย่างมาก


เทคนิคการฟังแบบ Active listening:

  • สบตาและใส่ใจกับการแสดงสีหน้าของผู้พูด
  • ตั้งใจฟังคำที่ผู้พูดใช้และพยายามอย่าขัดจังหวะ
  • ทวนคำ ทวนความจากสิ่งที่ผู้พูดพูดเพื่อแสดงว่าคุณเข้าใจ
  • ถามคำถามเพื่อช่วยให้เข้าใจได้ดีขึ้น


#2. Critical listening


การฟังแบบ Critical listening หรือการฟังอย่างมีวิจารณญาณ คือ การฟังเพื่อวิเคราะห์เหตุผลและแยกข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็น การฟังประเภทนี้จะเป็นประโยชน์มากเมื่อเราต้องการข้อเท็จจริงเพื่อมาประกอบการตัดสินใจบางอย่าง


เทคนิคการฟังแบบ Critical listening:

  • วิเคราะห์สิ่งที่ได้ยินว่าเชื่อมโยงกับข้อมูลอื่นๆ อย่างไร
  • ถามคำถามเพื่อช่วยเคลียร์ความคิดและความรู้สึกของผู้พูด
  • โฟกัสที่ใจความสำคัญ (main points) มากกว่าข้อความที่คุณจะตอบโต้
  • ใช้การฟังแบบนี้ในสถานการณ์ที่เราต้องการ problem-solving


#3. Informational listening


การฟังแบบ Informational listening หรือการฟังเพื่อหาข้อมูล คือ การฟังที่โฟกัสไปที่เนื้อหาใจความ (content) เพื่อรวบรวมข้อมูลในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งให้มากที่สุด


เทคนิคการฟังแบบ Informational listening:

  • เตรียมคำถามที่เกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ
  • ถอดประเด็นสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถูกต้อง
  • ควรมีการจดโน้ตหรือการบันทึกเสียง


#4. Empathetic listening


การฟังแบบ Empathetic listening หรือการฟังด้วยความเข้าใจ คือ การฟังที่เปิดใจรับฟัง ฟังทุกอย่าง ฟังสิ่งที่เป็นคำพูด และสิ่งที่ไม่ได้พูดออกมา โดยไม่ตัดสินว่าผิดหรือถูก หากมีการถามคำถามก็จะเน้นไปที่การใช้คำถามที่เกี่ยวกับความคิดและอารมณ์ของอีกฝ่าย เพื่อทำความเข้าใจว่าตอนนี้พวกเขาคิดอย่างไร หรือรู้สึกอย่างไร


เทคนิคการฟังแบบ Empathetic listening:

  • ตั้งใจฟังโดยไม่ขัดจังหวะ และมีสมาธิในการทำความเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
  • ทบทวนสิ่งที่คุณได้ยินด้วยคำพูดของคุณเองเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถูกต้อง
  • หลีกเลี่ยงการให้คำแนะนำหรือบอกอีกฝ่ายว่าพวกเขาควรทำอย่างไร
  • แสดงให้พวกเขารู้ว่าคุณเข้าใจความรู้สึก


#5. Appreciative Listening


การฟังแบบ Appreciative Listening หรือการฟังเพื่อรับรู้ถึงคุณค่าของสิ่งๆ นั้น คือ การฟังที่ผู้ฟังจะสนใจความรู้สึก ความคิด และประสบการณ์ของผู้พูด และใช้คำพูดสนับสนุนในทางบวก รวมทั้งรู้สึกซาบซึ้งและเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น


เทคนิคการฟังแบบ Appreciative Listening:

  • มองหาข้อดีในสิ่งที่ผู้พูดกำลังพูด แม้ว่าจะหายากก็ตาม
  • ถามคำถามผู้พูดที่แสดงว่าคุณสนใจในความคิดเห็นและความรู้สึกของพวกเขา
  • สร้างความมั่นใจให้ผู้พูดเมื่อพวกเขาแสดงความคิดหรืออารมณ์เชิงลบ ด้วยการทำความเข้าใจโดยไม่ตัดสิน
  • ให้ผู้พูดรู้ว่าคุณชื่นชมความคิดและความรู้สึกของพวกเขาโดยใช้วลี เช่น “ฉันเข้าใจว่าทำไมสิ่งนั้นถึงสำคัญสำหรับคุณ”


บทสรุป – ทั้ง 5 ประเภทการฟังนี้มีประโยชน์มากในการทำงานและในองค์กร เพราะเมื่อเราเข้าใจเรื่องการรับฟัง ก็จะสามารถนำไปใช้แก้ไขข้อขัดแย้ง สื่อสารกับเพื่อนร่วมงานได้ดีขึ้น บริหารจัดการทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น


A Cup of Culture
———–
วัฒนธรรมองค์กร
CorporateCulture
OrganizationalCulture
.
.

References:
https://customersfirstacademy.com/types-of-listening/
https://www.betterup.com/blog/types-of-listening
https://courses.lumenlearning.com/olemiss-buspublicspeaking/chapter/listening-types/
arm

Share to
Facebook
Twitter
LinkedIn