หนึ่งในความท้าทายสำคัญของการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะคือการรักษาระดับความรู้และความชำนาญที่เกิดขึ้นให้คงอยู่ในระยะยาว แม้ว่าผู้เข้าฝึกอบรมจะได้รับการถ่ายทอดความรู้และฝึกปฏิบัติอย่างดีในเวิร์คช็อป และยังคงอินต่อเนื่องหลังจากนั้นระยะหนึ่ง แต่หากขาดการทบทวนและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ความรู้และทักษะเหล่านั้นก็จะค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา ปรากฏการณ์นี้อธิบายได้ด้วย “กราฟการลืม” (Forgetting Curve)
กราฟการลืมเป็นทฤษฎีที่พัฒนาขึ้นโดย Hermann Ebbinghaus นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เขาอธิบายถึงอัตราการลืมของข้อมูลหรือความรู้ที่เพิ่งได้รับมาใหม่ๆ ด้วยกราฟที่แสดงให้เห็นว่า…หลังจากได้รับความรู้ใหม่ อัตราการลืมจะรวดเร็วในช่วงแรก แต่จะชะลอตัวลงเมื่อเวลาผ่านไป
การศึกษาวิจัยทางประสาทวิทยาพบว่า เมื่อสมองได้รับข้อมูลใหม่ก็จะมีการสร้างเส้นทางการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท (Neural Pathways) ขึ้นมาชั่วคราว หากไม่มีการเสริมแรงหรือทบทวนซ้ำ เส้นทางเหล่านี้ก็จะถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เราลืมนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เราสามารถชะลอหรือยับยั้งการลืมได้หากมีระบบการติดตามและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเสริมแรงและคงไว้ซึ่งเส้นทางการเชื่อมต่อในสมองให้คงทนถาวร วิธีการนี้สอดคล้องกับทฤษฎี ‘การทบทวนซ้ำ” (Spaced Repetition)’ ซึ่งเป็นเทคนิคการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูง
============
🔴 การทบทวนซ้ำแบบเว้นระยะห่างออกไปเรื่อยๆ
การทบทวนซ้ำเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนมีโอกาสในการทบทวนและฝึกฝนความรู้หรือทักษะที่เพิ่งเรียนรู้ไปอย่างสม่ำเสมอ โดยช่วงเวลาระหว่างการทบทวนแต่ละครั้งจะค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ เทคนิคนี้ช่วยให้สมองได้รับการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เส้นทางการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความทรงจำที่มั่นคงถาวร
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนประสิทธิภาพของการทบทวนซ้ำ เช่น การศึกษาของ Nate Kornell จากมหาวิทยาลัยเซาแธร์นอิลลินอยส์ พบว่า…การทบทวนข้อมูลด้วยช่วงเวลาที่ค่อยๆ ห่างออกไปจะทำให้จดจำได้ดีกว่าการทบทวนติดต่อกันหลายครั้งในเวลาอันสั้น (ช่วยให้จดจำได้นานขึ้นถึง 200%)
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาของ Doug Rohrer และ Harold Pashler ที่พบว่า การทบทวนซ้ำเป็นวิธีการเดียวที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการลืมในระยะยาวอีกด้วย
============
🔴 5 ขั้นตอนประยุกต์ใช้ระบบการทบทวนและติดตามผลเพื่อสู้กับการลืม
งานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่าการนำทฤษฎีการทบทวนซ้ำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบของระบบการติดตามและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยต่อสู้กับกราฟการลืมได้เป็นอย่างดี แนวทางการประยุกต์ใช้ก็คือหลังจากการฝึกอบรมหรือการเรียนรู้ในห้องเรียน ควรมีระบบการติดตามผลและให้โอกาสผู้เรียนได้ทบทวนและฝึกปฏิบัติผ่านช่องทางต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น การจัดเวิร์กชอป การโค้ชหรือการเป็นพี่เลี้ยง การมอบหมายงานหรือแบบฝึกหัด ไปจนถึงการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ เป็นต้น
การวางแผนระบบการทบทวนและติดตามควรคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ดังนี้
- กำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการติดตามและทบทวน โดยเริ่มจากช่วงเวลาสั้นๆ ในระยะแรก แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะห่างออกไปเรื่อยๆ
- ออกแบบกิจกรรมการทบทวนให้มีความหลากหลายและน่าสนใจ เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนอยู่เสมอ อาจนำเสนอในรูปแบบของเกม บทสนทนา สถานการณ์จำลอง แบบฝึกหัด หรือการวิเคราะห์กรณีศึกษา
- เลือกใช้สื่อและช่องทางที่เหมาะสม เช่น การจัดอบรมแบบเผชิญหน้า การเรียนรู้ออนไลน์ ระบบการจัดการความรู้ ชุมชนออนไลน์ ฯลฯ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงและทบทวนได้อย่างสะดวก
- กำหนดระบบการให้คำติชมและข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมแรงการเรียนรู้และปรับแนวทางการฝึกปฏิบัติให้ถูกต้อง
- สร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ด้วยการนำเสนอข้อมูลผลการเรียนรู้ ความคืบหน้าในการพัฒนา รวมถึงการให้รางวัลหรือการยกย่องชมเชย
การนำระบบการติดตามและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องมาใช้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับการกระตุ้นและเสริมแรงความรู้อย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้สามารถนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตและการทำงานได้อย่างยั่งยืน แม้ผ่านช่วงเวลาที่ยาวนาน
นอกจากนี้ ผลการศึกษาวิจัยจากสถาบันต่างๆ ยังยืนยันถึงประสิทธิภาพของการทบทวนซ้ำในการพัฒนาความสามารถในการจดจำระยะยาว เช่น การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า การฝึกซ้อมแบบทบทวนช่วยให้นักศึกษาสามารถจดจำเนื้อหาที่เรียนได้ดีกว่ากลุ่มควบคุมถึง 25% และการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันพบว่า นักศึกษาที่ได้รับการฝึกทบทวนซ้ำมีคะแนนสอบสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับถึง 16%
============
สรุป: การต่อสู้กับกราฟการลืมด้วยระบบการติดตามและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การเรียนรู้และการพัฒนาประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงและยั่งยืน สามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมและนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมั่นคง
massivemomentum
workplacemastery
acupofculture
===========================
ด้วยความรู้ ความเข้าใจ ในด้านประสาทวิทยา และพฤติกรรมมนุษย์ ทำให้ Team Learning Designer ของ Massive Momentum ออกแบบกระบวนการฝึกอบรมที่มุ่งเน้นการสร้าง Momentum ด้วยโมเดลการเรียนรู้เฉพาะตัวของเราที่ชื่อ I AM Model ซึ่งเรามุ่งหวังที่จะช่วยพัฒนาคนของคุณให้สอดคล้องกับ Competency กลยุทธ์ และเป้าหมายองค์กรของคุณ
สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติม:
โทร 064-932-3546
Line Official: @massivemomentum
facebook.com/MassiveMomentumth
.
.