ปี 2020 กำลังจะผ่านไปโดยที่ไม่มีใครอยากเหลียวหลังกลับไปมองมากนัก โครงการดีๆขององค์กรที่ตั้งใจไว้ต่างโดนแขวนหรือเลื่อนไปแบบไม่มีกำหนด รวมไปถึงแผนการพัฒนาคนที่เป็นงบประมาณก้อนแรกๆ ที่จะถูกจัดการก่อน ชาว L&D ร้องโอดครวญกันถ้วนหน้าเพราะสิ่งที่วางแผนไว้ถูกเก็บใส่ลิ้นชักกันเป็นส่วนใหญ่
Linkedin ยักษ์ใหญ่ด้าน Social Network ของคนทำงานองค์กรได้ทำการสำรวจกับชาว L&D ในเอเชียหลากหลายองค์กร และพบว่าในท่ามกลางการโยกย้ายและการตัดลดงบประมาณด้าน L&D กันถ้วนหน้า แต่กลับมีชาว L&D บางท่านที่สามารถเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ หรือปรับแผนจนงานของตัวเองไม่ถูกพับไปท่ามกลางการรัดเข็มขัดแบบรัดติ้ว พวกเขาได้แชร์เคล็ดลับการเข้าถึง C-Level เพื่อขายไอเดีย เชื่อมโยงเข้าสู่แผนธุรกิจและไลฟ์สไตล์ของพนักงาน ทำให้สามารถฉกฉวยงบประมาณมาอยู่ในมือในท่ามกลางวิกฤติได้ โดย Linkedin Learning ได้นำมาเผยแพร่ให้ผู้ติดตามนำไปปรับใช้กับสถานการณ์ของตนเองดังนี้
1) เกาะกระแส Digital Transformation ไว้ก่อน
แม้จะมีการตัดลดงบประมาณมากมาย แต่งานด้านดิจิตอลกลับเป็นวาระสำคัญขององค์กรที่ถูกจัดลำดับไว้ต้นๆเพื่อตอบสนองพฤติกรรม ความต้องการ และช่องทางของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ก็ยิ่งเป็นเหตุให้การเปลี่ยนแปลงโดยใช้เทคโนโลยีถูกเร่งให้เร็วขึ้น จากการสำรวจของ Linkedin ในเอเชียพบว่ามี 68% ขององค์กรที่ให้ความสำคัญต่อการจัดงบประมาณให้ Digital Transformation และนี่เป็นเหตุให้คนในองค์กรต้อง upskill และ reskill ทักษะด้านดิจิตอลเพื่อให้ทันต่อการเข้ามาของเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงทักษะด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงต่างๆด้วย
2) กล้าเข้าหาและสร้างสัมพันธ์กับเหล่า C-Level
57% ของ L&D ที่ประสบความสำเร็จท่ามกลางความท้าทายในปี 2020 ล้วนทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับสูง และมีหลายคนในนั้นเข้าไปถึง CEO ด้วยซ้ำไป ซึ่งผู้นำระดับนี้เป็นผู้กุมกลยุทธ์หลักของสายงานและถืองบประมาณต่างๆเอาไว้และหลายครั้งแนวคิดในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ก้ไม่ได้ถูกถ่ายทอดลงมาเป็นอย่างดี การที่สามารถเข้าใจความต้องการเพื่อจะโน้มน้าวและสร้างอิทธิพลกับเหล่า C-Level ได้จึงรับประกันความสำเร็จได้เป็นอย่างดี โดยเหล่าทีม L&D เหล่านั้นได้ CHRO เป็นผู้เชื่อมสัมพันธ์ไปสู่ C ท่านอื่นๆและช่วยขายความสำคัญของการพัฒนาทีมงาน และไม่อยู่แค่ผู้บริหารท่านเดียว เขาเหล่านั้นยังได้ขยายความสัมพันธ์ไปยังผู้บริหารท่านอื่นๆด้วย
3) เข้าถึงงบประมาณในทุกช่องทางแบบเชิงรุก
เงินอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน L&D แต่โครงการดีๆต่างๆก็ขาดเงินไม่ได้ ชาว L&D ระดับ Top performer ไม่ได้หยุดตัวเองที่แหล่งงบประมาณเพียงแหล่งใดแหล่งหนึ่ง หากแต่มีตาสับปะรดที่คอยสอดส่ายในหลายๆช่องทาง พวกเขาทำงานเชิงรุกเพื่อที่จะหาจุดที่แผนงาน L&D ที่วางไว้จะเข้าไปช่วยให้งานสำคัญต่างๆ ขององค์กรที่กระจายอยู่ในหน่วยงานต่างๆ สำเร็จได้อย่างไร ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนการพูดคุยแบบเน้นที่ ROI ของงาน L&D แต่เพียงอย่างเดียวมาสนับสนุนสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญและทำให้สำเร็จได้ง่ายขึ้นแทน
4) ผสมผสานความหลากหลายในการเรียนรู้อย่างลงตัว
ไม่มีคำว่า One size fits all ในโลกการพัฒนาคนอีกต่อไป การเรียนรู้ในห้องเรียนหรือแม้แต่การเรียนรู้แบบดิจิตอลก็อาจไม่ใช่คำตอบเดียว ชาว L&D ที่ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นต่างปรับแผนของตนโดยมองจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของพนักงาน เช่น การอ่านหนังสือ การเล่นเกม การพบปะสังสรรค์มาสร้างแรงเหวี่ยงของการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและเกิดผลลัพธ์ เช่น การผนวกการเรียนรู้เข้ากับงานที่ทำในแต่ละวันโดยใช้เวลาเพิ่มเติมน้อยที่สุด เปลี่ยนการเรียนรู้มาในรูปแบบที่เรียนเมื่อสะดวก เช่น Online learning สร้างกลุ่มการเรียนรู้ที่ล้อไปกับกลุ่มการทำงานเพื่อให้พนักงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทักษะเดียวกันข้ามสายงาน การนำ Gamification มาใช้เพื่อให้เกิดารแข่งขันและความสนุกสนาน นอกจากนี้ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงหมาวดหมู่ความสนใจส่วนตัวที่นอกเหนือการทำงานได้ด้วย
A Cup of Culture
———–
วัฒนธรรมองค์กร
corporateculture
culture
.
.
>>>
.
>
แหล่งที่มา