คุณคิดว่าอะไรคือหลักการสำคัญในการบริหารห้องทดลองลับของ Google? คำตอบไม่ใช่อะไรล้ำ ๆ อย่างที่เรา ๆ คาดหวังกัน แต่กลับเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามอย่าง ‘ความสุขของพนักงาน’ นั่นเอง เป็นเพราะอะไรเรามาดูกัน
===========================
Google X หรือตอนนี้เปลี่ยนชื่อมาเหลือแค่ X เฉย ๆ เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม แต่ไม่ใช่นวัตกรรมธรรมดาเพราะ Google X เนี่ยเขาล้ำไปจนถึงขั้นนวัตกรรมคือสิ่งเดียวที่องค์กรนี้ทำในฐานะของฐานวิจัยลับของ Google เพราะ Mission องค์กรคือประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่มีใครคาดคิดออกมาแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ทุกโปรเจ็คในองค์กรเรียกว่าเป็น Moonshot โปรเจ็คทั้งนั้น ซึ่งแต่ละอย่างที่ออกมาเนี่ยมันล้ำขนาดที่หลายคนเรียกว่า “บ้าบอ” แต่ก็ยังทำได้จริงด้วยเช่น รถบินได้ที่ตอนนี้มีคลิปการสาธิตออกมาให้ดูกันแล้วว่าใช้ได้จริง
และด้วยความที่ Google X เป็นศูนย์วิจัยลับเราจึงจะแทบไม่รู้ได้เลยว่าเขาทำอะไรอยู่ หรือมีโปรเจ็คอะไรบ้างจนกว่าโปรเจ็คนั้นจะสำเร็จ และ spinoff ออกมาเป็น Startup แต่นั่นก็ทำให้เรายิ่งอยากรู้กันใช่ไหมว่าองค์กรที่เน้นนวัตกรรมแบบสุดโต่งขนาดนี้เนี่ยเขาให้ความสำคัญกับอะไร
วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์ของอดีต CBO ของ Google X คุณ Mo Gawdat (โม โกวเดด) มาเล่าให้ฟังกัน อีกเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุณ Gawdat คือนอกจากเขาจะเป็นนักธุรกิจ และผู้บริหารแล้ว เขาเรียกตัวเองว่าเป็น Happiness Evangelist หรือเป็นคนที่บ้าเรื่องความสุขอย่างมาก
คุณ Gawdat เขาไม่ใช่คนโลกสวยอะไรเป็นพิเศษ เพราะชีวิตเขาเองก็ไม่ได้ผ่านความทุกข์มาน้อยกว่าคนอื่นเลย ในปี 2014 เขาได้เสียลูกชายไปอย่างกระทันหันระหว่างการผ่าตัดไส้ติ่งทั้งที่เป็นการผ่าตัดที่มีโอกาสเสียชีวิตน้อยมาก ๆ แต่หลังจากที่ลูกชายเขาเสียชีวิตคุณโกวเดด ได้ใช้พลังงานของความเศร้า และการสูญเสียครั้งนี้ไปกับการออกแบบอัลกอริทึ่มหนึ่งที่โด่งดังของ Google ที่ชื่อว่า algorithm for happiness หรือสมการของความสุข และหลังจากนั้นในปี 2017 เขาได้ก่อตั้งบริษัทชื่อ One Billion Happy ที่มีจุดประสงค์คือทำให้คนหนึ่งพันล้านคนมีความสุขด้วยวิธีการพูดคุยและอีเว้นต์
ตลอดระยะเวลาการบริหาร Google X ของเขาเขามองว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ X สามารถคิดค้นนวัตกรรมแบบสุดโต่งออกมาได้เป็นเพราะเขาให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงานเป็นอันดับหนึ่งนั่นเอง
.
.
วิธีการบริหารที่เน้นพนักงานเป็นสำคัญ กับคำถามที่ตามมาว่า… การใส่ใจพนักงานมากไปมันจะไม่ดีต่อธุรกิจหรือเปล่า?
.
.
เช่นเดียวกับองค์กรส่วนใหญ่ในยุคก่อน ๆ ที่ Google เองก็เคยมีความเชื่อว่าความเป็นตัวเอง และ Passsion ของพนักงานจะเป็นอุปสรรคต่อการฟังคำสั่งจากผู้นำ แต่ในยุคหลังมานี้ความเชื่อนั้นค่อย ๆ เบาบางลงและองค์ประกอบเกี่ยวกับความสุขต่าง ๆ ก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ดังเช่นความสงบในตัวเองที่ช่วยให้เรารู้สึกดีกับสภาพแวดล้อม และชีวิตในปัจจุบัน
มีงานวิจัยที่บอกว่าคนที่มีความสุขจะ Productive กว่าคนอื่นถึง 12% และสามารถจดจ่อในการทำงานได้มากกว่า ดังนั้นการที่ผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงานก็จะเท่ากับรายได้บริษัทที่เพิ่มขึ้นอีก 12%
ในช่วงที่คุณ Gawdat เป็นผู้บริหารให้กับ Google เขาใช้หลักการที่ว่า “ งานของเขาไม่ใช้การทำงานอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือการไว้ใจทีมให้ทำงานเหล่านั้น และตัวเขาเองใช้เวลาไปกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทีมเขาแฮปปี้ และอยากที่จะทำงานเต็มที่” นั่นทำให้เขาได้พนักงานที่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมตลอดเวลา เพราะนั่นคืองานหลักของเขา
นอกจากนั้นคุณ Gawdat ก็แชร์มุมมองเกี่ยวกับดูแลความสุขพนักงานในช่วง COVID ไว้ด้วยเช่นกัน
ตลอดระยะเวลาที่เรามีสิ่งที่เรียกว่าออฟฟิศกันมา การมีที่ทำงานมันหมายถึงการที่เรารู้ว่าในทุก ๆ วันเราจะได้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย และทำงานที่เราคุ้นเคย แม้แต่ในก่อนยุค COVID เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเราก็จะต้องมีการทำ Change Management ตามมาเพื่อรับมือกับมัน และคำนี้เองก็เป็นของแสลงของใครหลาย ๆ คนที่เคยผ่านกระบวนการนี้มาก็ว่าได้ ทั้งด้วยการใช้ทรัพยากรอันมหาศาลทั้งด้าน เวลา คน หรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
แต่ในยุค COVID ที่เราต้องติดอยู่ในบ้าน และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองทุกอย่าง แน่นอนว่าผลกระทบมันมหาศาล มันเป็นความท้าทายใหม่อย่างมากกับการที่เราเคยชินกับการคุยกับคนซึ่ง ๆ หน้า ทำให้สำหรับหลาย ๆ คนแม้แต่การจะกำหนดเป้าหมายในแต่ละวันของตัวเองก็กลายเป็นเรื่องยาก COVID นอกจากจะเป็นการระบาดของไวรัสแล้วยังเป็นการระบาดของปัญหาการทำงาน และความสุขพนักงานอีกด้วย ในการฝ่าวิกฤตินี้ไปเขาตั้งใจกับบริษัทปัจจุบันของเขาว่าจะต้องสื่อสารอย่างจริงที่สุดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไปยังพนักงานทุกคน แต่ก็จะพยายามหา silver linings จากมันถึงสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาพแวดล้อมแบบนี้
เพราะเขามองว่าภาวะผู้นำเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากท่ามกลางทุก ๆ วิกฤติ ผู้นำที่ดี หรือไม่ดีจะเห็นได้อย่างชัด ๆ ท่ามกลางวิกฤตินี้แหละ ผู้นำในอุดมคติสำหรับเขาคือคนที่ทำตัวเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่น และสื่อสารอย่างดีเยี่ยม เพราะเขาไม่เชื่อว่าจะมีใครเคยเจอผู้นำที่สื่อสารมากไป เขาเชื่อว่าผู้นำควรเข้าถึงพนักงานอย่างจริงจัง และเปิดโอกาสให้พนักงานเข้าถึงเช่นกัน พร้อมเปิดรับความท้าทายที่หลากหลายที่จะเกิดขึ้นได้ในช่วงโควิด และรับฟังพนักงานให้เข้าใจแม้จะต้องทำผ่าน Video Call เขาเชื่อว่าผู้นำที่ดีนั้นมีได้หลายสไตล์ แต่สิ่งสำคัญคือผู้นำควรที่จะดึงคนอื่นจากแนวหน้า มากกว่าดันจากแถวหลัง
สำหรับองค์กรอย่าง Google X ด้วยความที่ต้องคิดอะไรที่หลุดทุก ๆ กรอบความเป็นไปได้ และใช้ความคิดสร้างสรรค์มหาศาลทำให้การดูแลความสุขของพนักงานกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะงานวิจัยหลายด้านยืนยันว่าสมองของคนที่มีความสุขจะสามารถเกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ดีกว่าคนที่กำลังเครียด และสามารถเกิดไอเดียที่หลุดกรอบไปได้ไกลในแบบที่ Google X ต้องการ ด้วยความที่เป็นองค์กรที่เน้น Innovation แบบสุดโต่งนี่แหละที่ทำให้แม้แต่ตำแหน่งอย่าง Chief Business Officer ก็ต้องให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงานเป็นอันดับหนึ่ง และวิธีการบริหารโดยหลักการที่ไว้ใจให้ทีมทำงานไป และผู้นำมีหน้าที่จัดแจงสภาพแวดล้อมให้พนักงานทำงานได้อย่างแฮปปี้ที่สุดจึงเป็นวิธีที่เหมาะกับองค์กรแห่งนวัตกรรมสุดโต่งนี้
A Cup of Culture
……………………..
#วัฒนธรรมองค์กร
#corporateculture
#culture
.
.
.
ที่มา:
https://www.theatlantic.com/magazine/archive/2017/11/x-google-moonshot-factory/540648/
https://www.theverge.com/2018/7/19/17586878/larry-page-flying-car-opener-kitty-hawk-cora